สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงและอาจป่วยเป็น โรคซึมเศร้าระยะแรก นั้น หากปล่อยไว้นานและเรื้อรัง ความรุนแรงของอาการจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นและกลายเป็นโรคซึมเศร้าระยะอันตราย ที่อาจส่งผลเสียทั้งกับสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกาย นอกเหนือจากความรุนแรงของอาการแล้ว เราจะมาดูกันว่าหากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการจากโรคซึมเศร้า ต้องทำอย่างไร สามารถแก้ไขหรือจัดการอย่างไรในเบื้องต้นได้บ้าง
สาเหตุของการเกิดโรคซึมเศร้า ชนิดเรื้อรัง
สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านั้น เกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของสารสื่อประสาท 3 ชนิด ประกอบด้วย ซีโรโตนิน (Serotonin), นอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) และ สารโดปามีน (Dopamine) ที่ส่งผลให้เกิดสภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง เมื่อมีสิ่งมากระตุ้นต่างๆ ทั้งจาก ความเครียด, ความสูญเสียครั้งใหญ่, ความขัดแย้งในเรื่องความสัมพันธ์ หรือ เรื่องอื่นๆ ในชีวิต
เมื่อเกิดปัจจัยเหล่านี้ขึ้นและปล่อยไว้ไม่ได่รับการวินิจฉัยหรือรับการรักษาที่ถูกต้อง ทำให้ความรุนแรงของอาการมีมากขึ้น และสุดท้ายจึงส่งผลเสียในระยะยาวทั้งต่อสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกาย
อาการของโรคซึมเศร้า ระยะรุนแรง
ในผู้ป่วยซึ่มเศร้า ที่อยู่ในระยะรุนแรงและการทำงานของสารสื่อประสาทผิดปกติมานาน จะเกิด ภาวะซึมเศร้ารุนแรงและมีอาการโรคจิต (Severe depressive episode with psychotic symptoms)
ซึ่งมีอาการที่สังเกตได้เช่น
- อาการหูแว่ว เห็นภาพหลอน (Hallucinations)
- อาการหลงผิด (Delusion)
- รู้สึกแย่และคิดว่าตัวเองสมควรได้รับโทษแล้ว
- รู้สึกรุนแรง รวมทั้งมีการคิดถึงการทำร้ายตัวเองไปจนถึงฆ่าตัวตายบ่อยครั้ง
ซึ่งสำหรับผู้ที่มีอาการป่วยที่รุนแรง จะมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ต่อๆ กันในแต่ละวัน
ป่วยเป็นซึมเศร้า ต้องกินยาไปตลอดชีวิตไหม ?
ในส่วนของการรักษาผู้ป่วยซึมเศร้านั้น จะมีการรักษาควบคู่กันไปทั้งการทานยาต้านเศร้า (Antidepressants) และการทำจิตบำบัด (Psychotherapy) สำหรับผู้ป่วยซึมเศร้าที่มีอาการปานกลางถึงขั้นรุนแรงนั้น โดยทั่วไปจะมีการให้ยาเพื่อรักษาสมดุลของสารสื่อประสาท ควบคุมไปกับอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น สภาวะเครียด อาการนอนไม่หลับ เป็นต้น
โดยจะมีการจ่ายยาตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป จนกว่าอาการจะดีขึ้นและไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับยาไปตลอดชีวิต หากการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี คนไข้สามารถหยุดใช้ยาได้ตามคำแนะนำของจิตแพทย์ผู้ดูแล
วิธีรับมือเมื่อคนใกล้ตัว ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
สำหรับผู้ที่อยู่ใกล้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้น การพาผู้ป่วยไปพบจิตแพทย์และรับคำแนะนำแบบรายบุคคลจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด นอกจากนี้สิ่งที่ต้องระวังคือการไม่แสดงออกถึงความเข้าใจที่ผิดๆ หรือ มองว่าสิ่งที่ผู้ป่วยพบเจอนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย คำพูดที่ควรระวังเช่น
- ป่วยแค่นี้เอง
- อาการแค่นี้เอง ไม่เห็นเป็นไร
- คนอื่นยังอยู่ได้ แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก
- (ในบางราย) สู้ๆ นะ เอาใจช่วย
ซึ่งประโนคข้างต้นโดยทั่วไปจะเป็นการบั่นทอนจิตใจผู้ป่วยในทางอ้อมอีกด้วย ดังนั้น เราขอแนะนำประโยคที่เหมาะกับการสื่อสารผู้ป่วยซึมเศร้าเมื่อมีอาการ เช่น
- ฉันอยู่ข้างๆ เธอเสมอนะ
- ฉันพร้อมรับฟังและมีอะไรก็บอกกันได้เสมอนะ
- เธอยังมีฉันนะ
และเน้นการรับฟังโดยไม่ตัดสินเท่าที่จะทำได้ เพื่อประคองจิตใจผู้ป่วยในช่วงเวลายากลำบาก
และหากคุณสังเกตอาการของคนรอบตัวแล้วยังไม่ดีขึ้น ให้คลินิกสุขภาพจิต Smind ได้ช่วยดูแล คัดกรองและประเมินการรักษาได้เลยครับ